เสาเข็มขนาดเล็กหรือ micropiles (เรียกอีกอย่างว่ากองน้ำหนักเบา ‘) เป็นชุดย่อยเฉพาะของเสาเข็มที่มีกองขับเคลื่อนและสกรูเกลียวต่างๆ พวกเขาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างใหม่ของกองสกรูเดิม แต่มีข้อดีกว่ารุ่นก่อน ๆ

เสาเข็มมินิไมโครไฟล์

มักเป็นทางออกเดียว โซลูชันผลิตภัณฑ์นี้จะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายของผู้รับเหมาโครงการที่ยากลำบากมากขึ้น ทำให้เสาเข็มสะดวกและเชื่อถือได้สำหรับแอพพลิเคชันที่ท้าทายที่สุดในเว็บไซต์ที่อาจขัดขวางการซ้อนทับ รุ่นมินิหรือไมโครเล็กกว่ากองสกรูทั่วไปและสามารถปลูกในพื้นที่ที่ จำกัด ได้อย่างง่ายดาย

ประโยชน์ของเสาเข็มไมโครไฟล์

มีประโยชน์หลายอย่างที่เสาเข็มแบบดั้งเดิมไม่สามารถให้เหล่านี้รวมถึง –

สามารถใช้งานได้เมื่อสภาพพื้นดินไม่เหมาะสม

การขุดค้นหรือการกำจัดของเสียไม่จำเป็นต้องมี

การแก้ปัญหาเมื่อกองแบบเดิมจะหนักเกินไปที่จะใช้

ทางเลือกที่ดีเมื่อต้องหลีกเลี่ยงการสั่นสะเทือนเช่นพื้นดิน

เมื่อมีการ จำกัด การเข้าถึง แต่อุปกรณ์เฉพาะ

หากโครงสร้างอาจอยู่ในช่วงเวลาพลิกคว่ำที่สำคัญ

การแก้ปัญหาเมื่อมีข้อ จำกัด ด้านสิ่งแวดล้อม (โดยเฉพาะเสียงและควัน)

สำหรับการใช้งานดังกล่าวเสาเข็มเหล่านี้เป็นทางเลือกที่สะดวกในการเลือกใช้เสาเข็มทั่วไป ในหลายกรณีการซ้อนทับขนาดเล็กมีตัวเลือกที่เป็นไปได้เพียงอย่างเดียวสำหรับโซลูชั่นที่ใช้งานได้ยาวนานเชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพ

การเลือกผู้เชี่ยวชาญด้าน Micropile ที่เหมาะสม

หลังจากตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้แล้วขั้นตอนต่อไปก็คือการระบุผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสมซึ่งก็คือความกว้างและความลึกของประสบการณ์ในการออกแบบผลิตและติดตั้งเสาเข็มขนาดเล็ก

โครงสร้างของ FLI อยู่ในงานเหล็กมานานกว่า 60 ปีและเป็นผู้นำในการออกแบบผลิตและติดตั้งเสาเข็มสกรูและขับเคลื่อนรวมถึงเสาเข็มขนาดเล็กและฐานรากเหล็กหล่อ พวกเขามีรางวัลมากมายและใบรับรองเพื่อพิสูจน์ความทุ่มเทและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนี้  โปรดเยี่ยมชมได้ที่ http://www.pkmicropile.com/

เสาเข็มเจาะขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 60 ซม. ปลายเข็มอยู่ที่ระดับ 9 เมตร (ต่ำจากผิวดิน) เนื่องจากว่าสภาพดินตลอดความลึกที่เจาะเป็นดินแข็งมากสีน้ำตาล กดปลอกเหล็กกันดินได้ยาก ลงปลอกเหล็กกันดินได้เพียง 2 เมตร (เพราะกดไม่ลง) เมื่อทำการขุดเจาะดินไปได้ความลึกประมาณ 8-9 เมตร มีน้ำไหลเข้าในหลุมเจาะ และไหลแรงมากเพียงเวลาไม่นานน้ำไหลขึ้นมาถึงระดับที่ต่ำกว่าผิวดินเพียง 1.50 – 2.00 เมตร ตอนแรกสันนิษฐานว่าประเภทความลึก 8 – 9 เมตรนั้นอาจเป็นดินทราย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นดินที่ระดับนั้นต้องเกิดการพังทลายแน่แท้แต่เมื่อนำกระเช้าเก็บดิน(Bucket)มาขุดเจาะดินต่อไปกับไม่พบดินทรายเลย ครั้นเมื่อไตร่ตรองจากผลการเจาะสำรวจดินในทีหลังจึงพบว่าดินที่ระดับดังกล่าวข้างต้นเป็นดินที่มีความแข็งมากเกือบเป็นหินและมีร่องแตกมาก นั่นเป็นคำตอบว่าน้ำน่าจะไหลมาจากร่องที่แตกนี่เอง ปัญหาต่อเนื่องก็คือเมื่อปลายเสาเข็มเป็นดินที่มีน้ำไหลแม้จะลงปลอกเหล็ก (casing) ลงไปจนถึงดินชั้นนั้นก็ไม่สามารถกันน้ำได้เพราะน้ำจะยังคงไหลดันเข้าที่ปลายปลอกเหล็กตลอดเวลา เพราะเหตุนี้จึงต้องขุดเจาะดินใต้น้ำในสภาพเช่นเดียวกับการทำเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ และเมื่อขุดเจาะดินได้ระดับที่ต้องการแล้วก็ต้องเทคอนกรีตผ่าน Tremie pipe เช่นเดียวกัน เสาเข็มที่ทำด้วยกระบวนการดังนี้ก็ควรจะเรียกว่าเป็นเสาเข็มเจาะระบบเปียกด้วย….จริงไหมครับ

เสาเข็มเจาะอีกประเภทหนึ่งคือเสาเข็มเจาะระบบแห้ง เสาเข็มกลุ่มนี้มีขนาดเล็กกว่าและความลึกไม่มาก เส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่สุด 60 ซม. ความลึกไม่เกิน 29 ม. โดยทั่วไปที่พบเห็นจะกำหนดปลายเสาเข็มที่ระดับ 21 ม.หรือถึงชั้นทราย ซึ่งชั้นทรายที่ว่านี้ในกรุงเทพมหานครช่วงกลางๆเมืองเช่น สีลม รองเมือง เพลินจิต อุรุพงษ์ บางกะปิ พระโขนง เป็นอาทิ เป็นชั้นทรายปนดินเหนียวหรือทรายปนดินตะกอนสีเหลือง ( Clayey sand or silty sand) มีสภาพอ่อนเละๆ ใช้มือบีบให้เสียรูปได้ง่าย เป็นดินชุ่มน้ำสังเกตุได้จากความชุ่มแฉะของดิน และนั่นแสดงว่าดินชั้นนี้เป็นชั้นดินที่มีน้ำ หากขุดเจาะถึงดินชั้นนี้แล้วทิ้งไว้สักพักหนึ่งจะพบว่าที่ก้นหลุมเจาะมีน้ำ ชั้นทรายชั้นนี้จัดเป็นทรายชั้นแรกที่พบเจอ(First sand Layer) ประเภทความลึกอยู่ที่ประมาณ 19 – 22 ม.

นอกตัวเมืองออกไป เช่น ย่านงามวงศ์วาน แจ้งวัฒนะ รังสิต นวนคร บางเขน เป็นต้น จะพบชั้นทรายที่ระดับตื้นกว่า คือประมาณ 16-18ม. ทรายที่พบมักจะเป็น Clean sand และด้วยเหตุที่น้ำไหลผ่านทรายได้ดี ครั้นแล้วเมื่อขุดเจาะดินถึงชั้นทราย น้ำจะไหลเข้าหลุมเจาะ แม้จะพยายามลงปลอกเหล็กกันดิน(Casing)ลงไปถึงชั้นทรายถึงระดับปลายเข็มที่ต้องการก็ไม่สามารถป้องกันน้ำได้ เพราะน้ำจะยังคงไหลเข้าใต้ปลายปลอกเหล็กตลอดเวลา กรรมวิธีแก้ไขทางเดียวก็คือต้องกดปลอกเหล็กต่อลงไปให้ถึงดินเหนียวที่อยู่ใต้ชั้นทราย วิถีทางนี้ดินเหนียวที่มีค่าการซึมผ่านได้ต่ำ จะช่วยป้องกันน้ำไม่ให้เข้าปลายหลุมเจาะได้ แต่ก็จะเป็นการบังคับให้จำเป็นต้องเปลี่ยนระดับปลายเข็มไปอยู่ในชั้นดินเหนียวด้วย ดังนี้เพราะสมมตระดับดินที่ขุดเจาะยังอยู่ในปลอกเหล็กกันดิน ดินส่วนที่เหลือช่วงปลายปลอกเหล็กจะอุดตันกันไม่ให้คอนกรีตหรือเหล็กเสริมไหลลงขณะถอนปลอกเหล็กกันดินขึ้น (เสมอเหมือนกับจุกก๊อกที่ปิดปลายขวดกันน้ำไหลออกนั่นเอง) คอนกรีตและเหล็กเสริมจะถูกยกขึ้นพร้อมกับปลอกเหล็กกันดิน ทำเสาเข็มไม่เสร็จบริบูรณ์แถมเครื่องใช้ไม้สอยยังอาจเสียหายอีกด้วย